เมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็กก็เคยเป็นโรคภูมิแพ้จมูกอยู่ระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นมากเหมือนเด็กในยุคนี้ เพราะในยุคนั้น มิได้นอนห้องแอร์ เมื่อตื่นนอนก็จะทอดเสื้อเพราะร้อนจนเคยชิน บางวันอากาศเย็นตอนเช้า ก็จะทำให้จามได้ 3-4 ครั้ง แต่เมื่อสั่งน้ำมูกออกแล้ว อาการน้ำมูกไหลเยิ้ม ก็มิได้เป็นอีกในวันนั้น
ในยุคนั้นข้าพเจ้าก็ชอบกินกล้วยแขกทอด ข้าวเม่าทอด หมูทอด และสารพันอาหารทอด เพราะความกรอบ ความมัน ข้าพเจ้ากินกล้วยแขกทีละ 1 ถุง (ใช้กระดาษสมุดนักเรียนใช้แล้วพับ) แต่ก็ไม่เกิดอาการป่วย เจ็บคอ คอแดง คออักเสบ เป็นไข้หวัด แต่อย่างไร มาวันนี้ กว่า 40 ปีแล้วข้าพเจ้าเลือกร้านกล้วยแขกที่ใช้ น้ำมันใหม่เอี่ยมในการทอด และก็กินแต่น้อย 2 ชิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อาการคอแดง คออักเสบ เป็นหวัด น้ำมูกไหล และมีไข้ คำถามก็คือว่า เกิดอะไรขึ้นกับกล้วยแขกในยุคนี้ ทำไมมันมีพิษภัยมากขนาดนั้น เราก็เลือกร้านที่ใช้น้ำมันใหม่ๆ ตามที่แพทย์แนะนำ เหตุไฉนจึงเกิด oxidation ในร่างกายฉันได้
Allergic Rhinitis หรือโรคภูมิแพ้จมูก คือมีความแตกต่างจากโรคหวัด คือ ภูมิแพ้จะเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง น้ำมูกใส จามเพราะคันจมูก คัดจมูก บางครั้งก็มีอาการคันตา มักไม่มีไข้ปน แต่อาจจะไอเรื้อรังเพราะเสมหะ ไหลลงคอ ส่วนโรคหวัดมักจะมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย
หันมามองดูเด็กๆ ในกทม.ยุคนี้เป็นภูมิแพ้จมูก บางคนก็มีน้ำมูกไหลหยดย้อย บางคนก็สังเกตได้จากเสียง ที่ออกมาเหมือนพูดด้วยปากครึ่งจมูกครึ่งไม่ชัดเจนเหมือนคนจมูกโล่ง คำถามก็คือเด็กรุ่นใหม่ทำไมจึงเป็น โรคภูมิแพ้จมูกกันมาก
ปัจจัยที่ แพทย์คิดว่าเป็นสาเหตุของการก่อโรคภูมิแพ้ก็คือ ฝุ่น ไรฝุ่น ละอองหญ้า เกสรดอกไม้ ฝุ่นควัน จากรถยนต์ การหุงต้มอาหาร และมลภาวะต่างๆในอากาศ แพทย์ธรรมชาติบำบัดบางคนบอกว่า เกิดจาก นมโคเลี้ยงด้วยฮอร์โมนเพศ บางคนให้หันไปดื่มน้ำนมแพะแทนนมโค แต่หมอโบราณไม่เห็นว่า นมโคและ นมแพะจะแตกต่างกัน เพราะเป็นสัตว์กินหญ้าเหมือนกัน
แพทย์แผนปัจจุบันพบว่า ถ้าพ่อหรือแม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้ลูกก็มีโอกาสเป็นแบบเดียวกันสูงถึงร้อยละ 50 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่ เคยเป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ ลูกก็มีโอกาสเป็นแบบเดียวกันสูงถึงร้อยละ 70 ทารกที่กินนมแม่ เพียงอย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน พบว่าโอกาสเป็นภูมิแพ้น้อยลง ทารกที่ได้อาหารเสริมตั้งแต่อายุ 4 เดือน มีโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้มากกว่าทารกที่ไม่ได้รับอาหารเสริมถึง 3 เท่า
แพทย์แผนปัจจุบันยังพบว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เป็นเด็กและวัยรุ่นซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่เหลือก็พบในคนทุกวัย โรคภูมิแพ้จมูกนี้มีอาการเรื้อรังและสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่าง มาก และอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคนอนกรน เป็นต้น
แพทย์โบราณมิได้แยกโรคภูมิแพ้จมูกออกจากโรคไข้ หวัด เพราะอาการที่เห็นภายนอกไม่ต่างกัน แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ในการรักษา ข้าพเจ้าได้พบครูแพทย์โบราณคนหนึ่ง ท่านจ่ายยาแก้ไข้พิษขนานหนึ่ง ให้กับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูกเรื้อรัง ปรากฎว่าผู้ป่วยภูมิแพ้เรื้อรังกินยาได้ไม่นานก็หายขาด
ที่ยกตัวอย่างมา มิได้ตั้งใจจะบอกว่าหมอโบราณเก่งกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแต่อยากบอกว่า ยังมีผู้ สามารถรักษาโรคที่การแพทย์ตะวันตกไม่รู้จัก หากวินิจฉัยสมุฏฐานโรคได้ถูกต้อง ก็จะรักษาโรคได้
จากการวิจัยของข้าพเจ้าพบว่า คนไทยร้อยละ 80 ใช้น้ำมันพืชปรุงอาหารที่กินวันละ 3 มื้อ น้ำมันเหล่านี้ หากเป็นน้ำมันที่มีพิษน้อย เช่น น้ำมันมะพร้าว RBD ที่แม่ค้าเคยใช้ทอดกล้วยแขกเมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็กๆ ก็คงไม่ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมายอย่างที่เกิดในปัจจุบัน อาทิ โรคคอแดง คออักเสบ ไข้หวัดน้อย ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้จมูก และผิวหนัง โรคไต และไตวายเรื้อรัง โรคพังพืดงอกในที่ต่างๆ ของร่างกาย เนื้องอก ซีสต์ ตลอดจนโรคมะเร็ง (cancer) ต่างๆ ฯลฯ
น้ำมันพืชในยุคนี้เป็นน้ำมัน RBD เหมือนกับน้ำมันมะพร้าวในอดีต กล่าวคือ R = refining, B = bleaching,
D = deodorizing แต่ความเป็นพิษแตกต่างกันเพราะ น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นไขมันอิ่มตัวสูง เมื่อเติมเคมีต่างๆ ลงไป โครงสร้างทางเคมีก็ไม่เปลี่ยนแปลงมาก การจับกับเคมีอื่นกลายเป็นสารเคมีใหม่ก็ไม่ เกิดขึ้น ในขณะที่น้ำมันพืชยุคนี้เน้นน้ำมันไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งความไม่อิ่มตัวทำให้มันสามารถจับกับเคมีที่ ผสมเข้าไประหว่างขบวนการ RBD และความร้อนก็ได้ทำให้เกิด Polarization ทำให้โครงสร้างเคมีเปลี่ยน เป็น Trans fat หรือไขมันอิ่มตัวสูงรูปแบบใหม่
Trans fat จะมีคุณสมบัติข้น เหนียวเมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิห้อง 35 องศาซีขึ้นไป ในขณะที่น้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าว RBD จะแข็งตัวเป็นไขเมื่ออุณหภูมิ 25 องศาซีลงไป ดังนั้นท่านผู้อ่านคงรู้แล้วว่า Trans fat จะทำอันตรายอย่างไรแก่ร่างกายคน ใน ขณะที่น้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวจะไม่มีวันเป็นไขในร่างกาย คนเรา เพราะถ้าคนไหนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาซีก็หมายถึงความตาย หรือ ศพ
น้ำมันพืช Trans fat นี้แหละเป็นสาเหตุต้นทางของโรคภูมิแพ้จมูก ถ้าใครมิเชื่อก็ลองงดน้ำมันพืชดูสัก 1 เดือน ดูซิว่าอาการภูมิแพ้จะดีขึ้นไหม กินแต่อาหารต้ม ปิ้ง นึ่ง ย่าง
Trans fat ทำให้ดุลความเป็นกรด-เบสในเลือดผิดปกติ การที่เลือดคนจะกลายเป็นกรดมากขึ้น มักเกิดจาก อดอาหารนานๆ ร่างกายสลายเนื้อเยื่อไขมันออกมาใช้เป็น พลังงานจึงเกิด Ketone acidosis หรือ ภาวะกรดคีโตน ซึ่งภาวะนี้สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ แต่ผู้ที่บริโภคน้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน หรือ Trans fat ก็จะค่อยๆ เพิ่มภาวะความเป็นกรดในเลือด ทำให้เลือดข้น คอเลสเตอรอลสูง เพราะเหตุที่หน่วยไตมีความ สามารถขับธาตุไฮโดรเจนอิออนออกได้ช้าๆ ธาตุไฮโดรเจนส่วนเกินจึงปนอยู่ในเลือดเกิดภาวะกรดที่สะสม เป็นเหมือนดินพอกหางหมู หรือเรียกว่า ภาวะป่วยผ่อนส่ง
ความ เหนียว+ความข้น ของน้ำมันพืชในยุคนี้ยังสามารถทำให้หลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด และทำให้เส้นเลือดฝอยไตอุดตันกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรัง และสารพัดโรคที่จะตามมา เช่น โรคกรดไหลย้อนกลับ โรคมะเร็งต่างๆ โรคความดันโลหิตสูง
ในเด็กอายุก่อน 9 ขวบที่กินไก่ทอดหมูทอดเป็นประจำ มีสิ่งปกติเกิดขึ้นคือ เด็กชายมีองคชาติสั้นผิดพ่อ และในเด็กหญิงมีระดูมาเร็วกว่าที่ควรจะเป็น คือ มีระดูครั้งแรกอายุ 10-11 ปี ในหลายรายมีระดู ไม่ปกติ มาๆ ขาดๆ ทำให้เกิดโรคพังพืดในรังไข่และมดลูก ทำให้มีบุตรยากในวัยเจริญพันธุ์ ในเด็กชายเมื่อเข้าสู่ วัยรุ่นเกิดภาวะผิดเพศ อยากเป็นหญิง บางรายก็เป็นเอาตอนแก่ๆ หลังจากมีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปแล้ว ซึ่งน่าจะเกิดจากภาวะ"นกเขาไม่ขัน (Erectile dysfuntion)" อันเกิดจากการพร่องฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน โรคไตและโรคทางเดินปัสสาวะ ทำร้ายระบบสืบพันธุ์ ซึ่งก็เกิดจากการสะสมของน้ำมันพืชเหมือนกัน
ขอย้อนกลับมาที่โรคภูมิแพ้จมูกบ้าง อันตรายที่คาดไม่ถึงก็คือ เมื่อน้ำมันพืชได้อุดตันการดูดซึมสารอาหารที่ ละลายน้ำที่ลำไส้เล็กและหน่วยไตแล้ว สารอาหารต่างๆ ที่เคยเป็นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย คือ เป็นอาหารของ เม็ดเลือดขาวก็ร่อยหรอ เม็ดเลือดขาวก็กลายเป็นทหารอ่อนแอ ส่วนเม็ดเลือดแดงก็กลายเป็นเสบียงที่อ่อน คุณค่า เมื่อเซลล์ร่างกายก่อกลายพันธุ์ก็ไม่มีทหารแข็งแรงและเสบียงที่มีคุณค่าพอ ที่จะรบพุ่งกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ในรายผู้ป่วยภูมิแพ้จมูก อาการเรื้อรังไม่หายจากน้ำมูกเป็นเวลานานๆ เป็นปีๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าถ้ามี การก่อกลายพันธุ์ร่างกายจะไม่สามารถเอาชนะได้ เหมือนอย่างเช่นกรณีที่เป็น แผลภายนอกหากแผลหายยาก ไม่ตกสะเก็ดใน 3-5 วัน ล่วงถึง 7 วันยังมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มมีการกลัดหนอง ก็เป็นสัญญาณบอกเตือนคล้ายๆ กัน
ในชีวิตของข้าพเจ้าเคยเห็นผู้ป่วย ที่เป็นน้ำมูกไม่หาย แล้วกลับตายเพราะโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ๒ ราย รายหนึ่งอายุ 81 ปี อีกรายอายุเพียง 25 ปี ซึ่งตรงกับการสังเกตการณ์ของหมอโบราณ ซึ่งกล่าวว่า หากใครเป็นไข้หวัดน้อย หรือไข้หวัดใหญ่แล้วรักษาไม่หาย อาจจะกลายเป็นโรคฝีภายในได้
หากใครรักษาโรคภูมิแพ้มานานหลายปีแล้วไม่มีทีท่าจะหายขาด อยากแนะนำว่าควรจะเปลี่ยนไปปรึกษา หมอโบราณที่รู้วิธีการรักษาโรคนี้ ดีกว่ารอวันที่โรคแทรกจะปรากฎขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคงยากแก่การเยียวยา
ในยุคนั้นข้าพเจ้าก็ชอบกินกล้วยแขกทอด ข้าวเม่าทอด หมูทอด และสารพันอาหารทอด เพราะความกรอบ ความมัน ข้าพเจ้ากินกล้วยแขกทีละ 1 ถุง (ใช้กระดาษสมุดนักเรียนใช้แล้วพับ) แต่ก็ไม่เกิดอาการป่วย เจ็บคอ คอแดง คออักเสบ เป็นไข้หวัด แต่อย่างไร มาวันนี้ กว่า 40 ปีแล้วข้าพเจ้าเลือกร้านกล้วยแขกที่ใช้ น้ำมันใหม่เอี่ยมในการทอด และก็กินแต่น้อย 2 ชิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อาการคอแดง คออักเสบ เป็นหวัด น้ำมูกไหล และมีไข้ คำถามก็คือว่า เกิดอะไรขึ้นกับกล้วยแขกในยุคนี้ ทำไมมันมีพิษภัยมากขนาดนั้น เราก็เลือกร้านที่ใช้น้ำมันใหม่ๆ ตามที่แพทย์แนะนำ เหตุไฉนจึงเกิด oxidation ในร่างกายฉันได้
Allergic Rhinitis หรือโรคภูมิแพ้จมูก คือมีความแตกต่างจากโรคหวัด คือ ภูมิแพ้จะเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง น้ำมูกใส จามเพราะคันจมูก คัดจมูก บางครั้งก็มีอาการคันตา มักไม่มีไข้ปน แต่อาจจะไอเรื้อรังเพราะเสมหะ ไหลลงคอ ส่วนโรคหวัดมักจะมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย
หันมามองดูเด็กๆ ในกทม.ยุคนี้เป็นภูมิแพ้จมูก บางคนก็มีน้ำมูกไหลหยดย้อย บางคนก็สังเกตได้จากเสียง ที่ออกมาเหมือนพูดด้วยปากครึ่งจมูกครึ่งไม่ชัดเจนเหมือนคนจมูกโล่ง คำถามก็คือเด็กรุ่นใหม่ทำไมจึงเป็น โรคภูมิแพ้จมูกกันมาก
ปัจจัยที่ แพทย์คิดว่าเป็นสาเหตุของการก่อโรคภูมิแพ้ก็คือ ฝุ่น ไรฝุ่น ละอองหญ้า เกสรดอกไม้ ฝุ่นควัน จากรถยนต์ การหุงต้มอาหาร และมลภาวะต่างๆในอากาศ แพทย์ธรรมชาติบำบัดบางคนบอกว่า เกิดจาก นมโคเลี้ยงด้วยฮอร์โมนเพศ บางคนให้หันไปดื่มน้ำนมแพะแทนนมโค แต่หมอโบราณไม่เห็นว่า นมโคและ นมแพะจะแตกต่างกัน เพราะเป็นสัตว์กินหญ้าเหมือนกัน
แพทย์แผนปัจจุบันพบว่า ถ้าพ่อหรือแม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้ลูกก็มีโอกาสเป็นแบบเดียวกันสูงถึงร้อยละ 50 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่ เคยเป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ ลูกก็มีโอกาสเป็นแบบเดียวกันสูงถึงร้อยละ 70 ทารกที่กินนมแม่ เพียงอย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือน พบว่าโอกาสเป็นภูมิแพ้น้อยลง ทารกที่ได้อาหารเสริมตั้งแต่อายุ 4 เดือน มีโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้มากกว่าทารกที่ไม่ได้รับอาหารเสริมถึง 3 เท่า
แพทย์แผนปัจจุบันยังพบว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เป็นเด็กและวัยรุ่นซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่เหลือก็พบในคนทุกวัย โรคภูมิแพ้จมูกนี้มีอาการเรื้อรังและสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่าง มาก และอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคนอนกรน เป็นต้น
แพทย์โบราณมิได้แยกโรคภูมิแพ้จมูกออกจากโรคไข้ หวัด เพราะอาการที่เห็นภายนอกไม่ต่างกัน แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ในการรักษา ข้าพเจ้าได้พบครูแพทย์โบราณคนหนึ่ง ท่านจ่ายยาแก้ไข้พิษขนานหนึ่ง ให้กับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูกเรื้อรัง ปรากฎว่าผู้ป่วยภูมิแพ้เรื้อรังกินยาได้ไม่นานก็หายขาด
ที่ยกตัวอย่างมา มิได้ตั้งใจจะบอกว่าหมอโบราณเก่งกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแต่อยากบอกว่า ยังมีผู้ สามารถรักษาโรคที่การแพทย์ตะวันตกไม่รู้จัก หากวินิจฉัยสมุฏฐานโรคได้ถูกต้อง ก็จะรักษาโรคได้
จากการวิจัยของข้าพเจ้าพบว่า คนไทยร้อยละ 80 ใช้น้ำมันพืชปรุงอาหารที่กินวันละ 3 มื้อ น้ำมันเหล่านี้ หากเป็นน้ำมันที่มีพิษน้อย เช่น น้ำมันมะพร้าว RBD ที่แม่ค้าเคยใช้ทอดกล้วยแขกเมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็กๆ ก็คงไม่ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมายอย่างที่เกิดในปัจจุบัน อาทิ โรคคอแดง คออักเสบ ไข้หวัดน้อย ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้จมูก และผิวหนัง โรคไต และไตวายเรื้อรัง โรคพังพืดงอกในที่ต่างๆ ของร่างกาย เนื้องอก ซีสต์ ตลอดจนโรคมะเร็ง (cancer) ต่างๆ ฯลฯ
น้ำมันพืชในยุคนี้เป็นน้ำมัน RBD เหมือนกับน้ำมันมะพร้าวในอดีต กล่าวคือ R = refining, B = bleaching,
D = deodorizing แต่ความเป็นพิษแตกต่างกันเพราะ น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นไขมันอิ่มตัวสูง เมื่อเติมเคมีต่างๆ ลงไป โครงสร้างทางเคมีก็ไม่เปลี่ยนแปลงมาก การจับกับเคมีอื่นกลายเป็นสารเคมีใหม่ก็ไม่ เกิดขึ้น ในขณะที่น้ำมันพืชยุคนี้เน้นน้ำมันไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งความไม่อิ่มตัวทำให้มันสามารถจับกับเคมีที่ ผสมเข้าไประหว่างขบวนการ RBD และความร้อนก็ได้ทำให้เกิด Polarization ทำให้โครงสร้างเคมีเปลี่ยน เป็น Trans fat หรือไขมันอิ่มตัวสูงรูปแบบใหม่
Trans fat จะมีคุณสมบัติข้น เหนียวเมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิห้อง 35 องศาซีขึ้นไป ในขณะที่น้ำมันหมู และน้ำมันมะพร้าว RBD จะแข็งตัวเป็นไขเมื่ออุณหภูมิ 25 องศาซีลงไป ดังนั้นท่านผู้อ่านคงรู้แล้วว่า Trans fat จะทำอันตรายอย่างไรแก่ร่างกายคน ใน ขณะที่น้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวจะไม่มีวันเป็นไขในร่างกาย คนเรา เพราะถ้าคนไหนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาซีก็หมายถึงความตาย หรือ ศพ
น้ำมันพืช Trans fat นี้แหละเป็นสาเหตุต้นทางของโรคภูมิแพ้จมูก ถ้าใครมิเชื่อก็ลองงดน้ำมันพืชดูสัก 1 เดือน ดูซิว่าอาการภูมิแพ้จะดีขึ้นไหม กินแต่อาหารต้ม ปิ้ง นึ่ง ย่าง
Trans fat ทำให้ดุลความเป็นกรด-เบสในเลือดผิดปกติ การที่เลือดคนจะกลายเป็นกรดมากขึ้น มักเกิดจาก อดอาหารนานๆ ร่างกายสลายเนื้อเยื่อไขมันออกมาใช้เป็น พลังงานจึงเกิด Ketone acidosis หรือ ภาวะกรดคีโตน ซึ่งภาวะนี้สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ แต่ผู้ที่บริโภคน้ำมันพืชเติมไฮโดรเจน หรือ Trans fat ก็จะค่อยๆ เพิ่มภาวะความเป็นกรดในเลือด ทำให้เลือดข้น คอเลสเตอรอลสูง เพราะเหตุที่หน่วยไตมีความ สามารถขับธาตุไฮโดรเจนอิออนออกได้ช้าๆ ธาตุไฮโดรเจนส่วนเกินจึงปนอยู่ในเลือดเกิดภาวะกรดที่สะสม เป็นเหมือนดินพอกหางหมู หรือเรียกว่า ภาวะป่วยผ่อนส่ง
ความ เหนียว+ความข้น ของน้ำมันพืชในยุคนี้ยังสามารถทำให้หลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด และทำให้เส้นเลือดฝอยไตอุดตันกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรัง และสารพัดโรคที่จะตามมา เช่น โรคกรดไหลย้อนกลับ โรคมะเร็งต่างๆ โรคความดันโลหิตสูง
ในเด็กอายุก่อน 9 ขวบที่กินไก่ทอดหมูทอดเป็นประจำ มีสิ่งปกติเกิดขึ้นคือ เด็กชายมีองคชาติสั้นผิดพ่อ และในเด็กหญิงมีระดูมาเร็วกว่าที่ควรจะเป็น คือ มีระดูครั้งแรกอายุ 10-11 ปี ในหลายรายมีระดู ไม่ปกติ มาๆ ขาดๆ ทำให้เกิดโรคพังพืดในรังไข่และมดลูก ทำให้มีบุตรยากในวัยเจริญพันธุ์ ในเด็กชายเมื่อเข้าสู่ วัยรุ่นเกิดภาวะผิดเพศ อยากเป็นหญิง บางรายก็เป็นเอาตอนแก่ๆ หลังจากมีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปแล้ว ซึ่งน่าจะเกิดจากภาวะ"นกเขาไม่ขัน (Erectile dysfuntion)" อันเกิดจากการพร่องฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน โรคไตและโรคทางเดินปัสสาวะ ทำร้ายระบบสืบพันธุ์ ซึ่งก็เกิดจากการสะสมของน้ำมันพืชเหมือนกัน
ขอย้อนกลับมาที่โรคภูมิแพ้จมูกบ้าง อันตรายที่คาดไม่ถึงก็คือ เมื่อน้ำมันพืชได้อุดตันการดูดซึมสารอาหารที่ ละลายน้ำที่ลำไส้เล็กและหน่วยไตแล้ว สารอาหารต่างๆ ที่เคยเป็นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย คือ เป็นอาหารของ เม็ดเลือดขาวก็ร่อยหรอ เม็ดเลือดขาวก็กลายเป็นทหารอ่อนแอ ส่วนเม็ดเลือดแดงก็กลายเป็นเสบียงที่อ่อน คุณค่า เมื่อเซลล์ร่างกายก่อกลายพันธุ์ก็ไม่มีทหารแข็งแรงและเสบียงที่มีคุณค่าพอ ที่จะรบพุ่งกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ในรายผู้ป่วยภูมิแพ้จมูก อาการเรื้อรังไม่หายจากน้ำมูกเป็นเวลานานๆ เป็นปีๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าถ้ามี การก่อกลายพันธุ์ร่างกายจะไม่สามารถเอาชนะได้ เหมือนอย่างเช่นกรณีที่เป็น แผลภายนอกหากแผลหายยาก ไม่ตกสะเก็ดใน 3-5 วัน ล่วงถึง 7 วันยังมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มมีการกลัดหนอง ก็เป็นสัญญาณบอกเตือนคล้ายๆ กัน
ในชีวิตของข้าพเจ้าเคยเห็นผู้ป่วย ที่เป็นน้ำมูกไม่หาย แล้วกลับตายเพราะโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ๒ ราย รายหนึ่งอายุ 81 ปี อีกรายอายุเพียง 25 ปี ซึ่งตรงกับการสังเกตการณ์ของหมอโบราณ ซึ่งกล่าวว่า หากใครเป็นไข้หวัดน้อย หรือไข้หวัดใหญ่แล้วรักษาไม่หาย อาจจะกลายเป็นโรคฝีภายในได้
หากใครรักษาโรคภูมิแพ้มานานหลายปีแล้วไม่มีทีท่าจะหายขาด อยากแนะนำว่าควรจะเปลี่ยนไปปรึกษา หมอโบราณที่รู้วิธีการรักษาโรคนี้ ดีกว่ารอวันที่โรคแทรกจะปรากฎขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคงยากแก่การเยียวยา
No comments:
Post a Comment