นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

บทความทั่วไป

Monday, October 14, 2013

โรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้… อาการที่มีโอกาสหาย ง่ายพอๆกับงมหาขนตูดทารก1วันในน้ำตกไนแองการ่า


อันที่จริง… ก็ไม่ได้บอกว่าคนเป็นภูมิแพ้จะไม่มีโอกาสหาย
แม้รู้ทั้งรู้จากที่เปรียบเทียบว่า…
…ทารกไม่มีขนตูด
…น้ำตกไนแองการ่าโคตรเชี่ยว แถมลึกอีก

พูดถึงภูมิแพ้เนี่ย ปัจจุบันจัดเป็นอาการป่วยพื้นฐานที่แทบจะพบได้ทั่วๆไปในกลุ่มประชากรเลยล่ะ
สาเหตุ ก็เพราะว่ามันติดต่อทางพันธุกรรมได้ แถมยังพบว่ามันเปลี่ยนรูปแบบการแพ้เองได้อีก เช่นพ่อแพ้อาหาร แม่สุขภาพดี ลูกออกมากลับแพ้อากาศ ก็เป็นได้

ปัจจัยที่ทำให้คนแพ้ไม่ได้มีแค่พันธุกรรม บางครั้งก็เกิดจากการรับสารใดสารนึงเฉียบพลันเป็นปริมาณมากแล้วร่างกายเกิดอาการตกใจ
บางครั้งก็เกิดจากการที่รับสารที่มีคุณสมบัติบางอย่างคล้ายสารที่เคยแพ้ ก็เลยแพ้ไปด้วย
บางคนก็เพิ่งมาแพ้สารบางอย่างเมื่ออายุมากขึ้นหรือภูมิอากาศ ภูมิประเทศเปลี่ยนไป เป็นต้น

ปัจจัยมันเยอะแยะซึ่งจริงๆมันก็มาจากเหตุผลเดียวน่ะล่ะคือร่างกายเราเอง
ให้อธิบายเป็นทฤษฎีคงจะงงกัน จะพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ อาจดูตลกหรือผิดแปลกจากทฤษฎีไปบ้างแต่มันก็ดีกว่าไม่เข้าใจ

ภูมิแพ้ไม่ใช่อาการของคนอ่อนแอนะ ไม่ใช่ว่าไอ้บ้านี่เป็นภูมิแพ้แล้วมันต้องเป็นพวกขี้โรค อ่อนแอ
แต่เวลาเราอ่อนแอ อาการพวกนี้จะยิ่งแสดงออกมาได้ง่าย เพราะร่างกายเราจะอยู่ในสภาวะหวาดกลัว เม็ดเลือดขาวจะวิ่งกันวุ่น

ภูมิแพ้เป็นอาการที่เกิดจากสภาวะการต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ที่เกิดขึ้นจากอวัยวะรับสัมผัสต่างๆ เช่นเม็ดเลือดขาว หรือต่อม หรือผิวเนื้อเยื่อต่างๆ
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา อวัยวะเหล่านี้หากไม่รู้จักมันก็จะทำตัวต่อต้านขึ้นมาก่อนเลย โดยการส่งเอนไซม์หรือไปสั่งสมองให้ปล่อยเอนไซม์กระตุ้นการต่อต้านออกมา

การต่อต้านที่ร่างกายเราทำได้น่ะเหรอ โอ้ยมากมาย แถมมันไม่สนใจด้วยว่าเจ้าของร่างกายจะเป็นยังไง
เช่นถ้ามันไประคายเคืองเยื่อหลอดลมหรือปอด มันก็จะสั่งเราจาม ไอ หรือสร้างเสมหะมาไล่มันออก หนักๆเข้ามันก็ปิดหลอดลมแม่งซะเลย
หรือ ถ้ามันเข้าไปในท้องเรา มันก็จะหดเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อพยายามขับมันออก ท้องเราก็จะเสียมั่ง อืดมั่ง อ้วกมั่ง บางทีก็เกร็งเลยไปถึงหลอดลมอีก ซวยมั้ยล่ะ อ้วกแล้วยังเสือกหายใจไม่ออกอีก
หรือไปสัมผัสถูกมันเข้า ร่างกายก็จะส่งเม็ดเลือดขาวไปกินมัน แล้วสร้างถุงน้ำหุ้มมันไว้ เกิดเป็นผื่น ตุ่มน้ำ น้ำเหลือง ฯลฯ
บางคนเจอพิษงูเข้าร่างกาย แพ้พิษสิครับ มันก็ใช้โซเดียมสร้างถุงน้ำรอบตัวเลย ออกมาเป็นตัวบวม หน้าบวม คอบวม
งั้นผมคงแพ้อาหารสินะ กินมานาน ท้องบวมเลยว่ะ


ถ้าไม่อยากเป็นภูมิแพ้เหรอ วิธีการป้องกันมันก็ง่ายๆ เคยแพ้อะไรก็เลี้ยงอันนั้น แพ้ฝุ่นก็ดูดฝุ่นให้หมดซักผ้าสะอาดๆ ไม่นอนซุกขนตุ๊กตาป็นต้น
แต่ถ้าคิดจะหาวิธีการรักษาเนี่ย ก็มีคนโอ้อวดถึงการรักษาภูมิแพ้ด้วยวิธีต่างๆนานา มากมายก่ายกอง
บางคนว่าวิตามินและเกลือแร่หลายๆชนิด ตามผักผลไม้หรืออาหารเสริมต่างๆ ช่วยได้
ถามว่าจริงไหม? มันก็จริงครับพูดง่ายๆว่าถ้าระบบในร่างกายเราสมดุลมากขึ้น เราก็อาจอ่อนไหวต่อสิ่งแปลกปลอมน้อยลง
เพราะหน้าที่หลักของวิตามินเกลือแร่ต่างๆคือช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกายเราอยู่แล้วนั่นเอง เพราะเป็นของที่ร่างกายต้องการ

บางคนว่าผักผลไม้หรือสมุนไพรบางอย่างช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้
อันนี้ก็ ใช่อีกเช่นกัน เพราะนอกจากวิตามินดังกล่าวแล้ว ยังมีสารธรรมชาติบางตัวที่เป็น Anti-Allergy หรือสารต้านภูมิแพ้ หรือลดปฏิกิริยาของสารก่อภูมิแพ้ที่มีผลต่อร่างกายไปได้มากมาย

โดยมากแล้ว เรามักจะกล่าวกันว่า วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ(วิตามินซีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้) ช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้
ก็กลับไปอ่าน 2 เหตุผลเมื่อกี้ซะ ก็จะเข้าใจว่าทำไม

ฉะนั้นบอกเลยว่า ที่เขาบอกสรรพคุณกันน่ะ มันถูกแล้วล่ะ แต่ถ้าเราหาข้อมูลอีกนิดเราก็จะสามารถเลือกทานหรือซื้อผลิตภัณฑ์ที่มี ประสิทธิภาพสูงสุดต่อตัวเรามากขึ้นแน่นอน (เพราะทุกวันนี้ผมก็รับประทานพวกวิตามินรวมเสริมเหมือนกันช่วงสอบ)

วิธีการรักษาหรือแก้อาการแพ้
ถ้าเราไปหาหมอเมื่อเป็นภูมิแพ้ หมอก็จะมีการจ่ายยากดอาการแพ้ให้เรามากมายหลายชนิด ซึ่งหากเราทราบแล้วว่าเราแพ้อะไรก็ควรจะมีไว้เป็นยาสามัญประจำบ้านกันบ้าง

ยารักษาอาการภูมิแพ้เราแบ่งออกเป็น 3 ยุคคือ
ยุคแรก ต้องไปMetabolise(แปลงสภาพ) ซะก่อน(ส่วนใหญ่จะเป็นในตับ) ขั้นตอนการMetaboliseนานและอาจได้สารที่เป็นประโยชน์น้อย ผลข้างเคียงอาจสูงและมีฤทธิ์ตกค้าง
ยุคสอง ก็อาจยังต้องพึ่งพาการMetabolise ก่อน แต่ปฏิกิริยาเร็วดูดซึมง่ายและได้สารที่เป็นประโยชน์สูง
ยุคสาม การดูดซึมเร็ว ออกฤทธิ์ได้เร็ว ผลข้างเคียงน้อยลง 


ก่อนจะกล่าวถึงยาอื่นๆ แน่นอนว่าตัวนี้ทุกคนต้องรู้จักกันดี "คลอเฟนิรามีน Chlorpheniramine Maleate"
นี่เป็นยายุคโบราณสุดแล้วที่เราเรียกกันติดปากว่า ยาแก้แพ้ เมื่อเห็นเม็ดเหลืองๆของมัน
เป็น ยาที่จัดว่าดี แต่ด้วยความที่ halflifeมันยาวแสนยาว แถมแม่งยังออกฤทธิ์ได้ไม่นานอีก(ยาที่ค้างอยู่ไม่ได้บอกว่ารักษาได้นานเพราะ สิ่งที่รักษามันคือตัวของมันที่metaboliseแล้ว) แถมยังกำจัดยาก ก่อนใช้ก็ต้องMetaboliseก่อน และยังมีผลข้างเคียงมากมายโดยเฉพาะง่วง ทั้งยังเป็นยาที่ไปรบกวนการออกฤทธิ์ทางอื่นด้วยเช่น คลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น จึงจัดว่าเป็นยาอันตรายเลยทีเดียว


ยาอย่าง Cetirizine (HCl) หรือในไทยขายกันก็ ZyrTec เป็นยายุคสองที่นิยมใช้กันมาก ราคาปานกลางประสิทธิภาพดีผลข้างเคียงน้อย
ยา อย่าง Fexofenadine (HCl) ในไทยขายกันก็ Telfast(หมอผมจ่ายตัวนี้) หรือยา Localก็ Bosnum เป็นยาก้ำกึ่งระหว่างยุคสองและยุคสาม เป็นยายุคสามที่ถูกนำมาใช้แทนยุคสองชื่อTerfenadine โดยFexoเป็นตัวที่Metaboliseแล้ว เพราะว่าTerfenadine ตัวมันเองมีฤทธิ์ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ แต่ตัวMetaboliseมันต่างหากที่เป็นตัวรักษา จึงพัฒนาFexoมาแทนซะ
ที่ว่า มันก้ำกึ่งก็เพราะจากที่ศึกษามาเข้าให้เป็นยายุค3 แต่ไอ้ฉลากยาไทยเสือกเขียนว่า second น่ะสิ ทั้งที่ถ้าดูจากการที่ตัวยาเป็นmetabolised จากยายุค2แล้วแท้ๆ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ใช่เภสัชว่ะ ไม่ได้เรียนมา ใครรู้มาอ่านก็ช่วยโพสท์แก้ไว้ทีนะ

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมียาชนิดอื่นๆมากมายที่มีฤทธิ์เดียวกันคือไปบล๊อกH1-Receptorนั่นล่ะ ที่เราต้องเคยใช้กันก็เช่น Loratadineเป็นต้น
ซึ่งก็มียาที่เปลี่ยนแปลงโมเลกุลใหม่นำไปย่อยเพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น การดูดซึมดีขึ้น ผลข้างเคียงน้อยลงออกมาอีกเช่นกัน เช่น
Cetirizine เป็น Levocetirizine
Terfenadineเป็น Fexofenadine
Loratadine เป็น Desloratadne

ซึ่งพวกที่พัฒนามานี่ก็เรียกกันว่า ยายุค3นั่นเอง
ผมไม่แน่ใจนักว่าทำไมหมอไทยนิยมจ่าย Fexo มากกว่าCetrizine(สังเกตจากหมอที่ผมไปหาเวลาป่วยนี่ล่ะ) จากการสังเกตก็อาจเป็นว่า halflifeของfexoที่ยาวกว่าจึงเหมาะกับการรักษาโรคภูมิแพ้อย่างแพ้อากาศที่ ต้องการให้ยาออกฤทธิ์นานครอบคลุมทั้งวัน แต่ตอนผมเด็กๆหมอจ่าย Cetrizine นะ อาจจะเพราะด้วยผลข้างเคียงที่น้อยกว่าล่ะ แต่ในทางปฏิบัติก็อย่างที่ว่ากันว่า ร่างกายปกติสมบูรณ์ไม่แพ้ยา อาการข้างเคียงก็มักไม่เกิด(ยกเว้นถ้าตั้งครรภ์) แล้วการออกฤทธิ์ก็ยังเหมือนๆกัน ประสิทธิภาพพอๆกันด้วย ฉะนั้น หมอเคยให้อะไรมาก็กินอันนั้นซะ เพราะเขาประเมินแล้วล่ะว่าไม่มีผลข้างเคียงที่เสี่ยงต่อเรา
ปัจจุบัน มีอีกวิธีคือ การฉีดวัคซีนสิ่งที่เราแพ้เข้าไปในร่างกาย
โดย การฉีดอย่างต่อเนื่องประมาณน้อยๆ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเอง(ให้ร่างกายจำมันได้น่ะล่ะ) เพื่อไม่ให้มันตกใจแล้วมาสร้างอาการแพ้อีก
แต่ราคายังสูง และต้องทำต่อเนื่องอย่างน้อย3-5 ปี จึงจะได้ผลดี

สุดท้าย ไม่ได้บอกว่าหายนะ เพราะของมันก็มีอายุเหมือนกัน

จบบบบบบบบบบบบบบบบ